“ขสมก.” ปรับแผนหารถเมล์ใหม่ เตรียมให้เอกชนร่วมลงทุน

นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. (ฉบับปรับปรุงใหม่) อยู่ระหว่างปรับปรุงแผน คาดว่าจะดำเนินการทบทวน เพื่อเสนอต่อคณะอนุกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ภายในเดือน ต.ค.นี้ และจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ขสมก. เดือน พ.ย.65 และเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นชอบเดือน ธ.ค.65 หลังจากนั้นจะเสนอต่อสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ พิจารณา หากได้รับความเห็นชอบจะเข้าสู่กระบวนการจัดสรรงบประมาณต่อไป

“ปัจจุบัน ขสมก. จัดทำแผนฟื้นฟูฉบับดังกล่าวในรูปแบบการใช้งบดำเนินงาน หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความคิดเห็นอย่างไร เราจะดำเนินการตามนั้น ยืนยันว่าต้องการให้แผนฟื้นฟู เกิดความโปร่งใสและดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดข้อร้องเรียนหรือข้อครหาภายหลังอีกด้วย” นายกิตติกานต์ กล่าว

นายกิตติกานต์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา คนร.มีมติให้ ขสมก.ปรับปรุงแผนฟื้นฟูให้มีความเหมาะสมกับปัจจุบัน ซึ่งแผนฟื้นฟูฉบับนี้จะมีความแตกต่างจากแผนฟื้นฟูฉบับเก่า โดย ขสมก.จะเพิ่มการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น พื้นที่อู่รถบางเขน อู่มีนบุรี และพื้นที่อู่รถเมล์บริเวณหมอชิต ที่ ขสมก.เช่าในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งจะเป็นการพัฒนาจุดเชื่อมต่อด้านการเดินทางคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ส่วนแผนระยะสั้นในการจ้างเหมาบริการเดินรถเมล์ไฟฟ้า (อีวี) จำนวน 224 คัน วงเงิน 953 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำร่างเอกสารการประกวดราคา (ทีโออาร์) เพื่อประกอบความคิดเห็นตามที่สำนักงบประมาณได้ส่งหนังสือถึง ขสมก. เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา เบื้องต้นสำนักงบประมาณมีความคิดเห็นให้ ขสมก.ดำเนินการจัดหารถเมล์อีวีตามขั้นตอนในรูปแบบการใช้งบลงทุนให้สอดคล้องกับระเบียบของรัฐวิสาหกิจให้ชัดเจน คาดว่าแผนการจัดหารถเมล์อีวี 224 คัน จะเริ่มให้บริการได้ในปี 66 จากเดิมที่มีแผนนำร่องจัดหารถทั้งหมด 400 คัน 

นายกิตติกานต์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน ขสมก.มีรถที่ให้บริการ 2,885 คัน อยู่ระหว่างพิจารณารับสมัครพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสารรวม 600 คน เพื่อให้เพียงพอต่อรถที่ให้บริการประชาชน เบื้องต้น ขสมก.ได้ดำเนินการปรับปรุงสภาพรถที่มีความทรุดโทรม จำนวน 323 คัน รวมทั้งการปรับเปลี่ยนการให้บริการรถเมล์อีวีเต็มรูปแบบ ซึ่งปัจจุบัน ขสมก.ได้จัดซื้อรถเอ็นจีวีแล้วกว่า 489 คัน หากสามารถดำเนินการจะช่วยให้ปัญหารถเมล์ขาดระยะลดลงต่อไป

ขณะเดียวกัน ขสมก.ยังมีแผนการจัดหารถเมล์อีวีในรูปแบบการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนโดยให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งจะทำให้ ขสมก.ประหยัดค่าใช้จ่าย รวมทั้งต้นทุนค่าเชื้อเพลิง และค่าบำรุงรักษาได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณภาครัฐ

ส่วนผลประโยชน์ที่เอกชนจะได้รับจากการร่วมทุนในครั้งนี้ เช่น ผลตอบแทนและกำไร โดยปัจจุบัน ขสมก.อยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษาความเหมาะสมของแผนดังกล่าว ซึ่งจะดำเนินการศึกษาแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 65 คาดว่า จะเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณา และเสนอต่อ สคร.อนุมัติการร่วมลงทุนในรูปแบบพีพีพี โดย ขสมก.คาดว่าแผนดังกล่าวจะจัดหารถได้มากกว่า 224 คัน 

“หาก สคร. เห็นชอบรูปแบบพีพีพีแล้ว ขสมก.จะต้องจ้างบริษัทที่ปรึกษา เพื่อศึกษาแผนดังกล่าวโดยใช้ระยะเวลาในการศึกษา 18 เดือน ซึ่งเป็นการให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการ ทั้งการจัดหารถและบุคลากร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมด้วย โดยปัจจุบัน ขสมก.มีเส้นทางเดินรถทั้ง 107 เส้นทาง หากเอกชนสนใจเส้นทางใดขึ้นอยู่กับเขาเป็นผู้พิจารณา ซึ่งจะช่วยจูงใจให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน” นายกิตติกานต์ กล่าว.

Related Posts